
รองเท้าไนกี้2022 :สายแฟชั่นห้ามพลาด Nike Air Jordan 1 Low ‘Gym Red’ วางจำหน่ายวันนี้ สายแฟชั่นต้องรีบแล้ว เพราะรองเท้าไนกี้
สุดคลาสสิค Nike Air Jordan 1 Low ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรองเท้าในปี 1985 ได้ถูกกลับมาทำอีกครั้งในโทนสี Gym Red ซึ่งเรียบง่าย
และดูดีเข้ากับทุกชุด ที่สำคัญสีโทนสีนี้ เป็นที่ต้องการทั่วโลกอย่างแน่นอน
รองเท้า Nike Air Jordan 1 Low : รองเท้าไนกี้2022
Nike Air Jordan 1 low เปิดตัวในปี 1985 พร้อมกับNike Air Jordan 1 High ในฐานะรองเท้าทรง Low ตัวแรกที่พัฒนาโดย Nike กับนักบาสชื่อดังระดับโลก
อย่าง Michael Jordan
รองเท้าผ้าใบที่ออกแบบโดย Peter Moore โดดเด่นด้วยดีไซน์เรียบง่ายที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Nike Dunk ซึ่งรวม Nike Swoosh และโลโก้ Jordan Wings
และ Nike Air อันโดดเด่น
Nike Air Jordan 1 Low มีหลากหลายสีสันซึ่งรวมถึงสีที่ได้แรงบันดาลใจจาก Bulls และสีเมทัลลิก Air Jordan 1 Low กลับมาอีกครั้งในปี 2000 และได้
เห็นการวางจำหน่าย ย้อนยุคหลายครั้ง หรือเรียกว่า Retro ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
และยังไม่พอเทคโนโลยีล่าสุดยังดีกว่าตัวเก่า เพราะว่ามี Air-Sole ช่วยลดแรงกระแทกแบบมีน้ำหนักเบา ส่วนบนจากหนังแท้ให้ความทนทานและลุคแบบพรีเมียม พื้นรองเท้ายางตันชั้นนอกเสริมการยึดเกาะพื้นผิวหลายประเภท” ทำให้รองเท้านั้นใส่สบายกว่ารุ่นแรกๆที่เคยทำมา
จนมามีการทำสีล่าสุดอย่าง ‘Gym Red’ ที่จะวางจำหน่ายในเช้าวันนี้ เวลา 09.00 น. ซึ่งใครที่อยากได้เก็บไว้หรือนำมาใส่ก็ต้องรอกดกันที่เว็บไซต์ของทางไนกี้
https://www.nike.com/th/launch/t/air-jordan-1-low-gym-red แต่ก็ต้องไวหน่อยเพราะมีคนรอทั่วประเทศแน่นอนสำหรับรุ่นนี้
ซึ่งราคารุ่นผู้ใหญ่อยู่ที่ 3,600 บาท และรุ่นของเด็กอยู่ที่ 2,600 บาท ใครอยากซื้อไปใส่กับลูกก็ลุยได้เลย ซึ่งราคาขายต่อน่าจะไปไกล พอสมควรแน่นอนสำหรับรุ่นนี้
เทคนิคในการกดเว็บ Nike ให้ทันก่อนใคร
1. สร้าง บัญชี Nike Plus ไว้ก่อนจะกด >> https://m.nike.com/th/th_th/?l=shop,login_register
2. ถ้าคนเคยมีประวัติสั่งซื้อ ก็จะได้เปรียบกว่าใคร หากใครอยากได้มากๆ ให้ซื้อสินค้าอื่นๆไว้สักชิ้น เพราะจะมีข้อมูลบัตรเครดิต บัตรเดบิตไว้เรียบร้อยแล้ว
3.ถ้าสมัครสมาขิก Nike Plus แล้ว ควร Log In ค้างไว้ก่อนกดซื้อ
4. “ตั้งค่าที่อยู่ส่ง” ไว้ก่อน ไม่ควรมากรอกตอนสั่งซื้อ
5. อินเทอร์เน็ตต้องไว กดให้ไว ควรใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที ในการจ่ายเงินให้เรียบร้อย
ประวัติของ Nike ก่อนจะมาเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง
: รองเท้าไนกี้2022
ประวัติ Nike แบรนด์ระดับโลกกับคำคมที่ใครๆ ก็ถูกใจอย่าง Just Do It ที่มีความหมายลึกซึ้งว่า ลงมือทำเลย อย่าไปกลัว คุณทำได้นั่นเอง ซึ่งเราจะมาทำความรู้จักประวัติของแบรนด์ไนกี้กันก่อน ว่าก่อนจะมาเป็นแบรนด์ดังระดับโลกเนี่ย เขาผ่านอะไรมาบ้างก่อนจะเป็นคำว่าแบรนด์ “NIKE” หรือไนกี้
ประวัติ ผู้ก่อตั้ง
ผู้ก่อตั้งแบรนด์ก็คือ Philip Hampson Knight (ฟิลลิป แฮมป์สัน ไนต์) ประเทศอเมริกา เขาเป็นลูกชายของ William W. Knight ซึ่งเป็นอดีตทนายความและผันตัวสู่การเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์หนังสือพิมพ์ เริ่มแรกฟิลลิปก็มีความสนใจอยากทำหนังสือพิมพ์กับพ่อ แต่พ่อไม่ยอมให้ทำเพื่อให้เขาค้นหาตัวเองว่าอยากทำอาชีพอะไรมากที่สุดและไม่อยากให้ใช้เส้นสายของครอบครัว ฟิลลิปจึงลองสมัครงานเป็นนักข่าวของสำนักพิมพ์ฝ่ายตรงกันข้ามกับพ่อของตัวเอง ด้วยการเป็นนักข่าวกีฬาภาคดึก พร้อมกับเรียนไปด้วย
การกลายมาเป็นแบรนด์ ไนกี้
เมื่อจบปริญญาโทและสมัครเป็นทหารรับใช้ชาติเขาคิดอยู่เสมอว่าเขาชอบอะไรนอกจาก เรื่องของกีฬา จนมาหยุดที่รองเท้ากีฬา และได้เดินทางตามหาความฝันนี้ ครั้งแรกเขาได้ตกลงทำสัญญารับรองเท้าจาก Onitsuka Tiger มาทำแบรนด์ของตัวเอง
เมื่อรองเท้าคู่แรกมาถึงเขาได้ส่งไปให้ Bill Bowerman (บิล โบเวอร์แมน) โค้ชฝึกสอนภาคสนามผู้มีชื่อเสียง แห่งมหาวิทยาลัยออเรกอน สหรัฐอเมริกา ในขณะที่ฟิลลิปตอนนั้นเป็นนักกีฬาวิ่ง เพื่อจะได้ให้บิล อุดหนุนรองเท้าของเขา และให้ใคร ๆ เห็นและรู้จักรองเท้าแบรนด์นี้ บิลไม่ซื้อสักคู่แต่กลับขอหุ้นลงทุนทำรองเท้าด้วย
ทั้งคู่มีความเห็นตรงกันว่าเทคโนโลยีรองเท้าวิ่งควรได้รับการพัฒนา และฟิลลิปยังเห็นว่ารองเท้าจากประเทศญี่ปุ่นเป็นรองเท้าที่มีคุณภาพดี จึงได้นำไอเดียเสนอบิลที่มีความคิดคล้ายกันพอดี นั่นคือแรงบันดาลใจที่ทำให้พวกเขาร่วมกันลงทุนคนละ 500 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 16,000 บาท) เพื่อเปิดบริษัทนำเข้ารองเท้ากีฬาซึ่งต่อมาจะกลายเป็น Nike ที่เรารู้จักกัน
โลโก้และชื่อแบรนด์
Jeff Johnson (เจฟ จอห์นสัน) พนักงานคนแรกของเขาได้เสนอไอเดียว่า ควรเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น Nike ซึ่งเป็นชื่อเทพเจ้าหนึ่งของกรีก โดยมีความหมายว่า “เทพธิดาแห่งชัยชนะ” Knight จึงเปลี่ยนชื่อจาก Blue Ribbon Sports เป็น Nike เมื่อปี 1971 และได้ว่าจ้างกราฟฟิคดีไซน์ให้ออกแบบโลโก้ในตำนาน “swoosh” หรือเครื่องหมายถูกที่คุ้นตาเรานั่นเอง ด้วยค่าจ้างเพียง 35 ดอลล่าร์ฯ เท่านั้น
ไนกี้และไมเคิล จอร์แดน รุ่นยอดฮิตตลอดกาล
จะว่าไปแล้ว ไนกี้ก็เกือบชวดกับการเซ็นต์สัญญากับ Michael Jordan เพราะจริง ๆ แล้ว เขานั้น เป็นแฟนคลับตัวยงของ Adidas แต่ด้วยข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธของ Nike ที่ยื่นข้อเสนอให้กับ Michael Jordan นั้น สูงถึง 2.5 ล้านเหรียญฯ
ซึ่งเซ็นต์สัญญาเป็นเวลา 5 ปี เฉลี่ยปีละ 500,000 ดอลล่าร์ฯ ซึ่งพอ Adidas เห็นตัวเลขนี้แล้ว ก็ขอถอนตัวไป เพราะคิดว่า Michael Jordan นั้นไม่เก่งพอ และโชคดีที่เอเจนซี่ของ Michael Jordan นั้น กล่อมให้เขาไปคุยกับ Nike ได้สำเร็จ
พอสามารถกล่อม Michael Jordan (ไมเคิล จอร์แดน) ให้ใส่ได้แล้ว Nike ก็ดันไปมีปัญหากับทางสมาคม NBA ที่กำหนดเอาไว้ในช่วงนั้นว่า รองเท้าบาสเกตบอลนั้นต้องมีโทนสีขาว แต่รองเท้า Air Jordan I นั้นแทบจะไม่มีสีขาวอยู่เลย ทำให้ทุกครั้งที่ Michael Jordan ใส่รองเท้ารุ่นนี้ลงสนาม จะต้องถูกโทษปรับเงินเป็นจำนวน 5,000 ดอลล่าร์ฯ (ราว ๆ แสนกว่าบาท) ทุกนัดที่เขาใส่ลงเล่นในสนาม
แต่ Nike ไม่สน แถมได้ใช้ประโยชน์จากจุดนี้ เป็นการประชาสัมพันธ์ไปในตัว แถมยังได้ทำโฆษณาจิกกัดต่อสมาคม NBA ด้วยว่า “โชคดีที่ NBA ไม่สามารถห้ามคุณไม่ให้ใส่รองเท้าคู่นี้ได้” กลายเป็นว่ารองเท้า Air Jordan I นั้น ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าหยั่งกับแจกฟรี ทั้ง ๆ ที่เป็นหนึ่งในรุ่นที่มีราคาแพงที่สุดในบรรดารองเท้าบาสเกตบอล ณ ขณะนั้นด้วยซ้ำไป
หลังจากที่ Michael Jordan อกหักจาก Adidas เพราะไม่สามารถทำให้ตัวเองถูกเลือกเป็นตัวแทนพรีเซ้นต์สินค้าหรือแบรนด์แอมบาสเดอร์ได้ เขาก็หันมาซบอกกับ Nike ภายในปีแรกของการเป็นนักบาสเกตบอลอาชีพของ Michael Jordan ก็สามารถทำผลงานได้อย่างสุดยอด จนได้รับตำแหน่ง Rookie of The Year และ Nike สามารถทำเงินจากรองเท้ารุ่น Air Jordan หลังจากที่วางขายได้เพียง 2 เดือนได้กว่า 70 ล้านดอลล่าร์ฯ และเพียงสิ้นปี 1985 ก็มีรายได้ทะลุ 100 ล้านดอลล่าร์ฯ ได้อย่างสบาย ๆ
จากนั้น Michael Jordan ก็สามารถทำผลงานดีอย่างต่อเนื่อง จนผู้คนต่างยอมรับในฝีมือและยกย่องให้เขานั้นเป็นไอคอนของวงการบาสเกตบอล และนั่นก็ส่งผลให้รองเท้ารุ่น Air Jordan นั้น ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าต่อเนื่องมาตลอดหลายสิบปีด้วยกัน แม้ว่าเขาจะเลิกเล่นบาสเกตบอลใน NBA ไปแล้วก็ตามที
และท่านสามารถ ติดตามข้อมูล ข่าวสาร ต่าง ๆ ทั่วมุมโลก ข่าวสด รวดเร็วกว่า อีกทั้ง ข่าวฟุตบอล ตารางการแข่งขัน
ผลบอล และการ วิเคราะห์บอล // ทีเด็ดบอล ไฮไลบอล แทงบอล แทงบอลออนไลน์ และยังมี บาคาร่า รูเล็ต UFABET